Ripple เทขาย XRP ลดลง 74% ในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ตอกกลับข่าวลวงเรื่องการเทขาย XRP จนราคาร่วงเละเทะ
Ripple เทขาย XRP ไปแล้วทั้งสิ้น 66.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปี 2019 ซึ่งลดลงคิดเป็น 74% จากที่เคยสูงถึง 251.5 ล้านดอลลาร์ที่บริษัทขายในไตรมาส 2
ตัวเลขยอดขายดังกล่าวถูกเปิดเผยในรายงานไตรมาสที่ 3 ปี 2019 ของ Ripple ซึ่งอ้างว่า บริษัทเลือกที่จะ “ทำให้มีความโปร่งใสที่เหนือชั้น” และเรียกร้องให้ “คนอื่น ๆ” ในอุตสาหกรรมคริปโตทำตามเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในวงกว้าง
ราคาของ XRP นั้นลดลง 35.4% ในไตรมาสที่ 3 ในขณะที่มูลค่าตลาดโดยรวมของสินทรัพย์ก็ลดลง 30.4% นอกจากนั้นในรายงานยังระบุว่า XRP นั้นเหมาะอย่างยิ่ง “สำหรับการชำระเงินทั่วโลกเพราะเร็วกว่า ต้นทุนน้อยกว่าและปรับขยายได้มากกว่าสินทรัพย์ดิจิตอลอื่น ๆ” ในรายงานมีการเปรียบเทียบ XRP กับ Bitcoin เมื่อกลางเดือนตุลาคมโดย Ripple อ้างว่า XRP มีข้อดีดังต่อไปนี้
ความเร็ว: 3.80 วินาที ( XRP ) เทียบกับ 9.2 นาที ( BTC )
TPS: 1500+ ( XRP ) เทียบกับ 7 ( BTC )
ค่าธรรมเนียม: $0.0003 ( XRP ) เทียบกับ $0.758 ( BTC )
ส่วนสำคัญของรายงานฉบับนี้คือการจัดการกับข่าว FUD ข่าวลวงทั้งหลายที่แพร่กระจายข้อมูลแบบผิดๆเกี่ยวกับ XRP เช่น การเทขาย XRP ของ Ripple จนทำให้ราคาร่วงเละเทะ หรือการควบคุมตลาด โดย Ripple อ้างว่าตนนั้นมีบทบาทที่จำกัดมากๆ ในตลาดที่เป็นอิสระอย่างสินทรัพย์ดิจิตอล
เกือบครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 40% ของคนทำงานในอุตสาหกรรมบล็อกเชนถูกจ้างโดยเว็บเทรด cryptocurrency รายงานจากผลวิจัยของ The Block reveals
The Block ได้เผยแพร่ผลการวิจัยเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม โดยระบุว่า 42% จากทั้งหมด 158 บริษัท เป็นพนักงานของเว็บเทรดสินทรัพย์ดิจิตอล โดยคิดเป็นตัวเลขประมาณ 7,700 คนจากทั้งหมด 30 เว็บเทรด
ถัดมาคือ 11% ทำงานอยู่ในแวดวงของผู้ผลิตอุปกรณ์การขุด crypto และมีอีก 10% เป็นพนักงานขององค์กรต่างๆ เช่น Ripple, TRON, Block.one และ IOHK ซึ่งถือว่ามีลูกจ้างเยอะที่สุด
จากการวิเคราะห์ทั้ง 158 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencies และ blockchain พบว่า Bitmain, Huobi, Coinbase และ OKEx เป็นผู้นำในแง่ของจำนวนพนักงาน โดยมีพนักงาน 1,500, 1,300, 1,000 และ 950 คนตามลำดับ และทางด้านพนักงานของ Binance และ Ripple ประกอบด้วยพนักงานประมาณ 650 และ 450 คนตามลำดับ
Ripple ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในนายจ้างที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในเขตซานฟรานซิสโกในเดือนมีนาคม มีรายงานว่าพนักงาน 91% กล่าวว่า Ripple เป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการทำงานและมีถึง 95% ที่กล่าวว่าพวกเขาภูมิใจที่จะบอกคนอื่นว่าทำงานอยู่ที่นั่น
Ripple เปิดสำนักงานแห่งใหม่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมุ่งหวังในการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้ร่างกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแล
สำนักงานแห่งใหม่นี้ จะมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้แก่ผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับ cryptocurrencies และเทคโนโลยี blockchain ตามประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
Craig Phillips อดีตที่ปรึกษาของ Steven Mnuchin รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา ก็ได้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของ Ripple เพื่อให้คำแนะนำแก่บริษัทเกี่ยวกับการกำกับดูแล โดย Phillips นั้นมีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 35 ปี โดยเคยเป็นกรรมการผู้จัดการที่ Morgan Stanley , BlackRock และ Credit Suisse ตามที่เขาระบุไว้ในโปรไฟล์ในเว็บ LinkedIn
นอกจากนั้น สำนักงานใหม่ของ Ripple ยังมีสมาชิกอีกสองคนที่เคยร่วมงานกับรัฐบาลได้แก่ – Susan Friedman และ Ron Hammond โดย Susan Friedman เข้าร่วมกับ Ripple ในฐานะที่ปรึกษาด้านนโยบายระหว่างประเทศจาก CFTC หรือ U.S. Commodity Futures Trading Commission ซึ่งเธอเคยเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของ Heath Tarbert ประธานของ CFTC
ขณะที่ Ron Hammond เข้าร่วม Ripple ในฐานะผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ โดยก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นผู้ช่วยด้านกฎหมายให้กับ Warren Davidson สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา และทำงานเกี่ยวกับพระราชบัญญัติ Taxonomy Token
Ripple ยังได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคม Blockchain Association โดยมี Michelle Bond หัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์ระดับโลกของบริษัทเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของสมาคม
Breanne Madigan หัวหน้าฝ่ายการตลาดโลกของ Ripple กล่าวว่า กรณีการใช้งานที่ชัดเจนที่สุดสำหรับ XRP และ cryptocurrencies นั้นอยู่ในอุตสาหกรรมการชำระเงิน และ กล่าวถึงการขาดกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับทรัพย์สิน crypto อาจทำให้ผู้ที่มีความสามารถด้านเทคโนโลยีพากันย้ายออกจากสหรัฐฯ
“ที่ Ripple เราเห็นการชำระเงินเป็นกรณีการใช้งานที่ชัดเจนที่สุดสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล นวัตกรรมที่สำคัญในการใช้ประโยชน์จาก blockchain สำหรับการชำระเงินคือ คุณสามารถเคลื่อนย้ายเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสิ่งที่จะตามมายังรวมถึง smart contracts และการให้กู้ยืม ทั้งหมดล้วนมาจากนวัตกรรมการชำระเงินโดยตรง
“นี่คือเหตุผลที่เราให้ความสำคัญกับกรณีการใช้งานพื้นฐานที่เป็นอันดับแรก” Madigan กล่าวว่าจุดให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งของ Ripple สำหรับ XRP คือการใช้มันเป็นสะพานเชื่อมระหว่างสกุลเงิน Fiat
“วิสัยทัศน์ของ Ripple คือการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมและผู้สร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี สำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ประโยชน์จาก XRP เป็นสะพานเชื่อม Ripple จะช่วยอำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบ fiat-to-fiat สำหรับพันธมิตร เช่น MoneyGram”
แต่เพื่อให้นวัตกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา Madigan กล่าวว่าผู้ออกกฎระเบียบจำเป็นต้องให้ความกระจ่างเกี่ยวกับวิธีการควบคุมสินทรัพย์ crypto เนื่องจากหากยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน เธอกล่าวว่าสหรัฐฯก็มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียความได้เปรียบในฐานะผู้นำในเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่นี้
“อุตสาหกรรมกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายต้องทำงานอย่างเร่งด่วนเพื่อความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่มากขึ้น สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ที่สนับสนุนด้านนวัตกรรมสามารถเป็นผู้กำหนดทิศทางแล้วประเทษอื่นๆก็จะทำปฏิบัติตาม และเราหวังว่าพวกเขาจะทำเช่นนั้น”
Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple คิดว่า Facebook จะล้มเหลวในการเปิดตัวสกุลเงิน Libra ดิจิตอลและคงต้องรอจนถึงปี 2023
ในการให้สัมภาษณ์กับ Fortune เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม Brad Garlinghouse กล่าวถึงการผลักดันในด้านกฎระเบียบจะมีผลกระทบต่อโครงการ Libra ว่า “ผมพนันได้เลยว่า Libra …จะไม่ได้เปิดตัวจนกว่าจะถึงสิ้นปี 2022 นั่นแหละ”
Garlinghouse ยังได้กล่าวถึงปัญหาต่าง ๆ ที่รัฐบาลทั่วโลกตั้งข้อสังเกตกับ Facebook เกี่ยวกับแผนการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล
“ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีกว่านี้หาก Facebook ไม่ได้ตกเป็นเป้าโจมตี ผมคิดว่ามันจะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก” Garlinghouse กล่าวต่อว่า มีแนวโน้มที่หน่วยงานกำกับดูแลจะมองว่า Libra เป็นโครงการของ Facebook
Brad Garlinghouse ซีอีโอของ Ripple กล่าวว่า MoneyGram กำลังเร่งขยายการใช้งาน XRP สำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดนให้ครอบคลุมทั่วทั้งโลก
ในการสัมภาษณ์ใหม่ที่งาน Fintech Week 2019 ทางด้าน Brad Garlinghouse กล่าวว่า W. Alexander Holmes ซีอีโอของ MoneyGram อยากทราบว่า Ripple จะขยายโซลูชั่นการชำระเงินที่ขับเคลื่อนด้วย XRP ที่เรียกว่า On-Demand Liquidity (ODL) ไปสู่หนทางใหม่อย่างไร
“ผมได้รับโทรศัพท์จาก CEO ของ MoneyGram เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และเขาอารมณ์เสียเพราะเรายังเคลื่อนไหวไม่เร็วพอ นั่นมันแทบไม่น่าเชื่อเลย เขาต้องการให้เราเปิดตัว On-Demand Liquidity ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม xRapid ในตลาดต่าง ๆ ให้เร็วขึ้นกว่านี้ เพราะพวกเขาประสบความสำเร็จกับการใช้งานที่เม็กซิโก เราต้องทำให้มันกระจายออกไปยังประเทศอื่นๆให้เร็วกว่านี้” Garlinghouse กล่าว
ปัจจุบัน On-Demand Liquidity เปิดดำเนินการใน 2 ประเทศ ได้แก่ – เม็กซิโกและฟิลิปปินส์
Garlinghouse กล่าวต่อไปว่า บริษัทจะเปิดตัวในตลาดอื่นได้เมื่อพวกเขามั่นใจว่าหน่วยงานกำกับดูแลและ market makers มีความพร้อมเต็มที่ “เราจะไม่เปิดตัวตลาดใหม่จนกว่าเราจะได้เข้าร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลในตลาดเหล่านั้น”
Ripple ได้ร่วมมือกับ MoneyGram เดือนกรกฎาคม โดยมีส่วนหนึ่งของข้อตกลงคือ Ripple ได้ซื้อหุ้นมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ในบริษัทพร้อม option ในการซื้ออีก 20 ล้านดอลลาร์ในอีกสองปีข้างหน้า